เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นมาคนแรกช่วง 6.30 ไม่รู้เป็นอะไร วันทำงานตื่นแม่ง 10 โมง มาเที่ยวมาพักผ่อนตื่นเช้าทุกที ผมออกมาถ่ายรูปในช่วงเช้า แวะมาปลุกเพื่อนๆที่นอนที่เต้นท์ แวะมาหาตอนเช้า มันยังไม่ตื่นกันเลย มนุษย์เหล็ก นอนในรถ ยืนยันว่า ปาย - ขาว - มาก บรรยากาศช่วงเช้าริมน้ำปาย เต้นท์แบบริมน้ำ มีที่ให้นั่งเอาตีนจุ่มน้ำเล่นได้ด้วย ตื่นมาถ่ายรูปคนเดียว ถ่ายเองหล่อเองก็ได้วะ พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว วนกลับมาปลุกเพื่อนๆอีกรอบ เหตุผลที่มนุษย์เหล็กมานอนบน Atrai เบาะเอนนอนในแนวราบได้ หลังคากระจกบานใหญ่ๆ คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง มันมานอนคิดถึงใครกันนะ ... แอบใช้น้ำฟรีล้างรถ รถเล็กเอนกประสงค์ มีอารมณ์ยืนล้างรถด้วย ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าที่ปายจะมีร้านล้างรถ เลยยืนล้างเอง ที่ไหนได้ มีหลายร้านเหมือนกันนะ ที่พักที่หาได้เมื่อคืน ถูกและดียังมีในโลก วันนี้เราวางแผนเที่ยวเส้นทางปางอุ๋งแล้วกลับมานอนปาย มีพี่ที่ Office แนะนำให้ออกแต่เช้า แต่ผมเห็นว่าเมื่อวานเราเหนื่อยกันมาก เลยปล่อยให้นอนกันไป ปลุกตอน 9 โมงเช้า กว่าจะอาบน้ำกินข้าว ได้เริ่มออกเดินทางสู่ปางอุ๋งจริงๆก็ 11 โมงได้ วันนี้มีคันผมไปปางอุ๋งคันเดียว อีก 3 คันประเมินเส้นทางและสภาพรถแล้วไม่พร้อม เลยแยกกันเที่ยว โดยอีก 3 คันจะเที่ยวอยู่ในปาย แล้วลงไปนอนที่เชียงใหม่ในช่วงเย็น เพื่อไปเดินถนนคนเดินที่เชียงใหม่ ถนนจากปายไปปางอุ๋ง ความรู้สึกผมคือถนนดีกว่า เชียงใหม่มาปายอีกนะ คือมันเรียบกว่า แต่ทางชันกว่าเยอะ และโค้งหนักกว่าเยอะเลย ระหว่างทางได้แวะจุดชมวิวกิ่วลม หล่อเกิ๊น !!! เส้นทางที่มองเห็นได้จากจุดชมวิว ตลอดเส้นทางที่จะไปปางอุ๋ง มีจุดแวะเที่ยวหลายที่ ทั้งถ้ำลอด ถ้ำปลา ภูโคลน บ้านรวมไทย บ้านรักไทย บ้านสันติชล พระตำหนักปางตอง ถ้าใครจะเที่ยวให้ครบ ต้องออกจากปายเช้าหน่อย ซัก 7 โมงกำลังดี เราประเมินกันแล้วว่าวันนี้เราคงได้แค่แวะถ้ำลอด และถ้ำปลา แล้วเข้าไปปางอุ๋ง เพราะกลัวว่าไปปางอุ๋งช้าจะไม่ได้ถ่ายรูป เรามาถึงถ้ำลอดช่วง เกือบบ่าย 3 จุดที่เสียเวลาที่สุดคือ ทางเข้าถ้ำลอด ที่ถนนแคบและทางไม่ดีเลย เข้าไปไกลมากๆ จนเรารู้สึกว่าไม่น่าแวะเลยว่ะเวลายิ่งน้อยๆอยู่ พอไปถึง เค้าก็จะมีแพให้เรานั่งล่องไปตามน้ำเพื่อลอดเข้าไปชมถ้ำ แพนึงนั่งได้ 4 คน + คนนำทาง + ตะเกียง ราคารวม 550 บาท จะนั่ง 5 ก็ไม่ได้ ผมเลยไปขอนั่งกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่มากันไม่ครบ 4 คน ตอนแรกว่าจะไปนั่งอะนะเพราะเค้าบอกว่าถ้านั่งไปจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่ก็นั่นแหละ มาถึงแล้ว แถมเข้ามาตั้งไกล ก็เลยนั่งแพเที่ยวซะเลย ถ้ำลอดประกอบไปด้วยถ้ำ 3 ถ้ำ จริงๆแล้ว ถ้ำแรกเดินเที่ยวได้ไม่ต้องใช้แพ ถ้านั่งแพก็ไม่ต้องเดิน แต่ถ้ำด้านในที่มีโรงศพโบราณนั้นต้องใช้แพไปอย่างเดียว จุดที่หินงอกเกิดใหม่ ห้องโถงในถ้ำ โลงไม้โบราณ ออกจากถ้ำแล้ว เราเสร็จจากถ้ำลอดช่วง 4 โมง 20 ได้ซึ่งช้ามากๆ ได้รับคำแนะนำจากคนที่ผมไปนั่งแพด้วยว่า ถ้าจะไปปางอุ๋ง ไม่ต้องแวะอะไรแล้ว ดิ่งไปเลยเพราะยังต้องไปอีกไกล ถ้ำปลาเลยถูกตัดออกไป ภูโคลนก็ไม่ต้องแวะมันแล้ว จากคำแนะนำ เค้าว่าถ้ำปลาเนี่ยะอยู่ริมถนนเลย ถ้าอยากแวะก็ได้เข้าไม่ลึก เป็นถ้ำที่มีปลาเต็มไปหมด ส่วนภูโคลนจะออกแนวเชิงธุรกิจมากกว่า คือให้เราใช้โคลนเค้าพอกหน้าแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ประมาณนั้น แต่ชั่วโมงนั้น เราคงไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ขับรถแข่งกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก วิ่งไปปางอุ๋งให้ทันเวลา เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการไปปางอุ๋ง ทางเข้าค่อนข้างแคบและชันมากๆ ระหว่างทางเราสังเกตเห็นบ้านพักเยอะเหมือนกัน จนเราเสียดายว่า ถ้าเราวางแผนได้ดีกว่านี้ เราน่ามานอนปางอุ๋ง 1 คืน แล้วกลับกรุงเทพทางแม่ฮ่องสอน แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเป็นแบบนั้น เราคงไม่ได้เที่ยวในเมืองปายเลย ... เราถึงปางอุ๋งตอนเกือบ 6 โมงเย็น พระอาทิตย์ลับขอบภูเขาไปแล้วอย่างน่าเสียดาย แต่ยังสว่างอยู่ ทำให้เราได้เก็บภาพที่ปางอุ๋งมาได้บ้าง ถ่ายไปเสียดายไป เห็นลานกางเต้นท์ วิวสวยๆ จนอยากมานอนที่นั่นซักคืน พี่เก่งแอบใส่เสื้อสปอนเซอร์มาเที่ยวด้วย 555 ข้อมูลที่อ่านๆมาคือที่นี่จำกัดจำนวนคนมานอน เราต้องจองมาก่อน แต่เราพบอีกทางเลือกคือ เรานอนนอกปางอุ๋งก็ได้ มีที่พักเยอะอยู่นะ แล้วเราค่อยตื่นเช้าเข้ามาดูบรรยากาศปางอุ๋งช่วงเช้ามืดได้ ถ้าใครลอง Search ดูจะพบว่าช่วงเช้ามืดที่ปางอุ๋งสวยมากๆ เราอยู่กันจนเริ่มมืด ขับรถเลยเข้าไปด้านใน ไปเจอจุดนั่งพักผ่อนอยู่จุดนึง ก็นั่งกันจนมืดเลย อ่อลืมเล่าไป เราซื้อข้าวกล่องมาจากร้านอาหารที่ถ้ำลอด ทุกคนกินกันมาบนรถยกเว้นผมที่ต้องรีบขับรถมา ข้าวกล่องนั้นผมได้เอามานั่งกินริมน้ำที่ปางอุ๋ง ข้าวกล่องโง่ๆเย็นๆชืดๆ แต่ความรู้สึกผม มันเป็นข้าวที่กินแล้วอร่อยที่สุดของทริปนี้ทีเดียว... ถ่ายเพื่อ CheckPoint กับปางอุ๋งซักหน่อย DWS คือ Daihatsu Work Shop สถานที่ๆพวกเราสุมหัวทำรถกัน ทำกันเอง พังกันเอง ได้ความรู้จากที่นี่มากมาย ลาก่อน ปางอุ๋ง ... แล้วจุ่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ของปางอุ๋ง ขับมอไซค์มาบอกว่ามืดแล้วให้เราออกจากตรงนั้น เค้าว่าตรงนี้เป็นชายแดนพม่า เกรงว่าจะเป็นอันตรายเค้าดูแลไม่ทั่วถึง เราจึงเดินทางออกจากปางอุ๋ง ในความมืด มองผู้คนที่กางเต้นท์นอนกันตาปริบๆ เสียดายมาก ..... อยากนอนที่นี่ซักคืน พอออกจากปางอุ๋งได้ ก็เป็น mission กลางคืนบนเขาที่ระทึกไปตลอดทาง เราใช้ความเร็วแข่งกับเวลาเพื่อกลับไปเดินถนนคนเดินที่ปาย ทุกคนต่างหิว ยกเว้นผมที่เพิ่งกินข้าวกล่องสุดท้าย 555 ผลัดกันหิวบ้างแหละ ขับตอนกลางคืนทำเวลาได้ดีกว่าช่วงกลางวัน ด้วยความหิว และความมืดทำให้เราคาดเดาได้ว่ามีรถสวนมาหรือเปล่าจากแสงไฟหน้ารถ รวมถึง GPS ที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เราจึงใช้เวลาขากลับ 3 ชั่วโมง เร็วกว่าขาไปนิดหน่อย พอหมดช่วงขึ้นเขาลงเขา ผมวูบไป 2 รอบ เนื่องจากความง่วง จริงๆเริ่มรู้สึกง่วงตั้งแต่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วแหละ แต่สภาพทาง ความมืด เลยยังไม่อยากสลับคนขับในตอนนั้น เพราะพี่เก่งคงไม่ชินกับรถผม แถมต้องมาขับขึ้นเขาลงเขาตอนมืดๆแบบนี้ พอหมดช่วงขึ้นลงเขา เลยจอดให้พี่เก่งขับแทน ... พี่เก่งขับได้นิดเดียวก็เข้าตัวเมืองพอดี ถนนคนเดินคืนนี้เงียบเหงา คนเข้านอน และส่วนมากเดินทางกลับกันหมดแล้ว เท่าที่ถามๆดู คืนนั้นที่พักว่างเยอะเลย เรามาถึงช้าไปหน่อย ถนนคนเดินเริ่มเก็บของกันแล้ว เรานั่งกินบะหมี่โบราณกันแบบง่ายๆ เน้นเร็วเพราะหิวมาก ติดต่อเพื่อนๆกลุ่มที่ลงไปนอนที่เชียงใหม่ว่าปลอดภัยกันดี คืนนั้นก่อนนอนผมบอกทุกคนว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ จะได้เที่ยวปายให้ครบก่อนกลับกรุงเทพ ทุกคนก็ยินดี มาทั้งทีก็เที่ยวให้ครบ คืนนั้นหัวถึงหมอน ... วูบไปเลย :sad: --------------------------------------------------------------------- DaihatsuClub On Tour @ Pai ตอนที่ 1 : ค่ำคืนที่นานเกินไป ... DaihatsuClub On Tour @ Pai ตอนที่ 2 : ทางหลวงหมายเลข 1095 DaihatsuClub On Tour @ Pai ตอนที่ 3 : 1 วันเต็ม กับเส้นทางปางอุ๋ง DaihatsuClub On Tour @ Pai ตอนที่ 4 : ลาก่อน ... ปาย DaihatsuClub On Tour @ Pai ตอนที่ 5 : เก็บตก ปานวิมานรีสอร์ท เชียงใหม่ สวยปานวิมานสมชื่อจริงๆ
รูปเยอะและสวยมาก เล่าเรื่องซะอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์เลย ปล. คิดได้ไงวะเพื่อน ขับจากปางอุ๋งมาปายตอนกลางคืน น่ากลัวจะตาย