D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)

การสนทนาใน 'D.I.Y.' เริ่มโดย enforce, 14 มีนาคม 2006

?

น้ำยาแอร์มาตาฐาน100% บรรจุกระป๋อง เติมเพิ่มเองได้เมื่อน้ำยาแอร์ขาด เพื่อนๆ คิดยังไง

  1. สนใจ...น่าจะเติมเองได้ เพราะดูจากขั้นตอนแล้วไม่น่ายาก ถ้าเหลือเก็บไว้เองได้ ประหยัดเงิน

    77.7%
  2. ระบบแอร์ดูแล้วยุ่งยาก...ไปจ้างเขาซ่อมดีกว่า จ่ายเท่าไรไม่สนแต่ให้เย็นเป็นพอ

    3.9%
  3. ก็ดี...ซื้อแล้วเอาไปให้ช่างแอร์ตามร้านเติมให้ก็ได้ เหลือเก็บไว้ใช้คราวหน้าได้

    9.0%
  4. สนใจ...เพราะว่าน้ำยาแอร์ในถังตามร้านซ่อมทั่วไป...ไม่รู้ว่าน้ำยาแอร์มีคุณภาพแค่ไหน

    34.6%
หลายโหวตที่ได้รับอนุญาต
< Previous Thread | Next Thread >
  1. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆๆ รถเพื่อนๆ บางคันผมว่าต้องเจออาการนี้บ้างแน่ๆเลย

    1. บางทีรถติดไฟแดงนานๆ แอร์จะไม่ค่อยเย็น มีแต่ลมร้อนๆ ออกมา แต่พอได้วิ่งหน่อย แอร์ก็จะมีลมเย็นๆ ออกมาบ้าง แต่ถ้าติดอีกเมื่อไร แอร์จะไม่มีความเย็นเลย จะมีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์ใช่ไหมฮะ

    สาเหตุแรกเลยไปมองดูที่ คอยล์ร้อนแอร์ ว่าสกปรกมากหรือเปล่า เนื่องจากแผงคอล์ยร้อนนี้ มีหน้าที่ระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ที่ ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์แอร์ เนื่องจากคอมแอร์จะสร้างแรงผลักดันเพื่อให้น้ำยาแอร์วิ่งหมุนเวียนอยู่ภายในระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรส์เซอร์จะมีความร้อนสูงมากๆๆ จากนั้นน้ำยาแอร์จะวิ่งเข้าสู่แผงคอล์ยร้อน เพื่อระบายความร้อนของตัวน้ำยาแอร์ให้มันเย็นขึ้น
    (ลองสังเกตุดูเองก็ได้นะครับ ทำไมตอนฝนตกแอร์รถทำไมเย็นขึ้น รถติดก็ยังเย็นอยู่ เนื่องจากน้ำฝนนั้นได้ไปโดนแผงคอล์ยร้อนหน้ารถไงคับ คอล์ยร้อนมันเลยระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หรือจอดรถอยู่บ้าน ลองเอาน้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูแล้ว ลองนั่งในรถดูว่าความเย็นแตกต่างกับไม่ได้ฉีดน้ำหรือเปล่าคับ )

    คอยล์ร้อน ( CONDENSER)

    คอยล์ร้อนจะมีลักษณะเป็นแผงรับอากาศขนาดพอๆ กับหม้อน้ำรถยนต์ มีทางเข้าและทางออก
    ของน้ำยาแอร์ ซึ่งถูก ออกแบบมาให้มีท่อน้ำยาแอร์ขดไปขดมาบนแผง โดยผ่านครีบระบายความร้อน
    ซึ่งมีลักษณะคล้ายครีบระบายความร้อนของหม้อน้ำ คอยล์ร้อนจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถยนต์
    คู่กับหม้อน้ำ

    วงจรของระบบแอร์รถยนต์ครับ สีน้ำเงินคือความเย็นนะครับ สีแดงคือความร้อนคับ

    เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบอกการดู น้ำยาแอร์ในรถยนต์ว่าขาดหรือเปล่าคับ:D
     
  2. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ลืมบอกไปฮะ ถ้าแผงคอล์ยร้อนสกปรกให้ใช้ น้ำฉีดที่แผงให้เปียกแล้ว ใช้เสปร์ย (วีม,เป็ด ที่ใช้ขัดคราบมันในครัวอะ ซื้อได้ตามห้างอะคับ ) ใช้ฉีดให้ทั่วแผงคอล์ยร้อนทิ้งไว้ซัก 5-10 นาทีแล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก หรือใช้แปลงสีฟันเก่าๆ รูดลงตามแนวตั้ง พยายามอย่าให้แผงมันล้มนะคับ เท่านี้แผงคอล์ยร้อนก็สะอาดแล้วคับ ลองทำดูจัสังเกตุได้เลยว่าแอร์เย็นขึ้น เพราะ แผงคอล์ยร้อนนั้นมันจะมีพวกคราบน้ำมันต่างๆตามท้องถนน พวกคราบน้ำมันนี้มันติดที่แผงแล้วใช้น้ำสะอาดล้างอย่างเดียวมันไม่ค่อยออก มันจะฝั่งแน่นทำให้แผงระบายความร้อนไม่ค่อยออก:D :D
     
  3. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    เป็ดกับวิมนั้นไม่กัดแผงอลูมิเนียมมากเท่าโซดาไฟคับ แนะนำ ให้ฉีดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน 10 นาทีคับ ใครฉีดแล้วจะทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ฮะ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากกว่าเดิมคับ เพราะที่เราฉีดทิ้งเอาไว้ตอนแรกนั้น สารเป็ด,วิม มันก็ไปชะล้างคราบสกปรก คราบน้ำมันออกหมดแล้วคับ เพราะฉะนั้น ฉีดทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ไม่มีผลอะไรคับ :D

    เรื่องการดูน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือเปล่า ขอเป็นคืนนี้นะครับ ตอนนี้ผมหาภาพใน com ผมอยู่อะคับ เป็นภาพที่เคยลงเอาไว้ใน rcweb อันเก่ากระทู้ DIY ชุด service แอร์ด้วยตนเอง ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ จำกันได้รึเปล่าฮะ :D :D
     
  4. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ภาพก่อนล้างและ
    หลังล้างคับ:D
     
  5. Vasuta.com

    Vasuta.com New Member Member

    2,184
    27
    0
    ใช้เป็ดเลยเหรอคับ

    มีอะไรที่ฉีด โดยไม่ต้องลงแปรงไหมครับ
    คือ มือผมหนักอ่ะ

    ปล. แอร์ผมก็เป็นอย่างที่คุณว่าแหละคับ กลางวันนี่สุดๆเลย
     
  6. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ใช้วิมแบบเป็นกระป๋องฉีดน้ำอะคับ ดีสุดแล้วครับ ถ้ากลัวว่าจะไม่สะอาดพอ ผสมโซดาไฟ ซัก1ส่วน 4 แผงคอล์ยร้อนจะขาวเลยแหละคับ แต่ต้องดู แผงคอล์ยร้อนด้วยนะครับว่า อายุการใช้งานมัน สมควรเปลี่ยนใหม่หรือเปล่า บางทีแผงคอล์ยร้อนบางคัน ฉีดโซดาไฟทิ้งไว้ไม่ถึง 5 นาที แผงทะลุเลยก็มีนะคับ
     
  7. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ดูว่าน้ำยาแอร์รถเราขาดหรือเปล่า ให้มองหาตัวไดเออร์ ซึ่งจะเป็นทรงท่อสีดำบ้างสีเงินบ้าง ดูที่หัวของมันจะมีกระจก (ภาษาช่างจะเรียกว่า ตาแมว) ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบรถยนต์ขาดหรือไม่เต็ม ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น 100%
    ตามรูป สังเกตุในกระจก จะเห็นเป็นฟองอากาศขาวๆ วิ่งเยอะๆ อย่างนี้แสดงว่าน้ำยาแอร์ในระบบไม่เพียงพอคับ
     
  8. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    และถ้าน้ำยาแอร์ในระบบไม่ขาด จะมองเห็นเป็นน้ำใสๆมีฟองอากาศอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (จะเป็นฟองอากาศแบบอ้วนๆ ) ตามภาพนะคับ

    ภาพที่ 2 จะเห็นว่าฟองขาวๆนั้นจางลงเริ่มเป็น
    ภาพที่ 3 จะเห็นได้เลยว่าเป็นลักษณะน้ำใสๆ มีฟองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามภาพนี้แสดงว่าน้ำยาในระบบแอร์ไม่ขาดคับ


    และก็จะมีคำถามอีกว่า น้ำยาแอร์นั้นต้องเติมบ่อยไหม ?
    ระบบแอร์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถยนต์, ถ้าเกิดระบบแอร์นั้น ไม่มีที่รั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ครับ จะเติมน้ำยาแอร์ก็ต่อเมื่อ ตอนแอร์ฟังตามอายุของมัน กับ เคลื่อนย้ายตัวแอร์ติดตั้งที่อื่น,เปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น

    เพื่อนๆลองมองที่รอบๆกระจกของตัวไดเออร์ เห็นคราบน้ำมันสีดำนั้นไหมครับ คราบน้ำมัน มันมาจากไหน มันค่อยๆออกมาตามขอบของกระจกคับ เหตุนี้แหละครับคือที่รั่วของระบบแอร์ เติมน้ำยาแอร์มาเดือนหนึ่ง น้ำยาแอร์ก็หายหมดครับ บางทีมันไม่ได้รั่วแค่ตรงนี้
    เพื่อนๆ ที่ต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำ ลองสังเกตุท่อแอร์ โดยเฉพาะพวกข้อต่อต่างๆ ดูว่ามีคราบน้ำมันดำๆ เกาะหรือเปล่า ถ้าหาไม่เจอ หาฟองน้ำฉุบน้ำยาล้างจานที่มันมีฟองเยอะๆ แล้วค่อยถูตามท่อแอร์ ตรงไหนที่มีฟองอากาศขึ้นมา แสดงว่าตรงนั้นคือจุดรั่วครับ

    งงไหมฮะ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ถ้าผมรู้และเคยเจอมาก่อนคับ ผมจะตอบให้ได้ :D :D
     
  9. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ผมเคยได้ยินมาจากเพื่อนๆ ที่เคยไปซ่อมแอร์ตามร้านทั่วไป,กระทู้ทั่วไปที่ถามเกี่ยวกับ เว็คคัม ? คืออะไร
    ทำไมเติมน้ำยาเพิ่มอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 200 - 300 บาท
    ทำไม เว็คคัม เติมน้ำยาแอร์ ราคาอยู่ที่ 500 - 1000 บาท (ขนาดรถทั่วไปน่าจะไม่เกินราคานี้ แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ก็จะแพงกว่านี้)

    ขออธิบายข้อดีแต่ละตัวว่าแตกต่างยังไงนะครับ (เผื่อเพื่อนๆบางคนอาจยังไม่ทราบ)

    - เติมน้ำยาเพิ่ม คือในระบบแอร์รถเรานั้น น้ำยาแอร์อาจจะ ขาดเพียงเล็กน้อย หรือขาดมากก็แล้วแต่ ช่างแอร์เขาจะใช้วิธีต่อสายแล้วดูที่เกร์ + ดูที่ตาแมว(กระจกบนตัวไดเออร์) ปล่อยน้ำยาจากถังเข้าสู่ระบบแอร์รถ แล้วช่างแอร์เขาจะมองที่ตาแมว ถ้าเริ่มใสแล้วก็จะปิดวาวร์ที่ตัวถังน้ำยาแอร์ แล้วเขาจะสังเกตุว่าเติมน้ำยาแอร์เข้าไปเยอะหรือน้อย ช่างแอร์เขาจะคิดเงินตาม ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เติมให้เราครับ
    (ผมบอกไว้เป็นความรู้นะครับ ถ้าเติมเพิ่มให้กับ รถยนต์ที่มีขนาดกลาง น้ำยาแอร์ไม่น่าจะเกิน 1 กิโลกรัมคับ)

    - ข้อเสียคือ
    1.การเติมลักษณะนี้ จะมีอากาศเข้าไปปะปนอยู่ภายในระบบแอร์ด้วย อากาศที่เข้าไปนั้นจะมากหรือน้อย อันนี้ขึ้นอยู่วิธีการเติมของช่างแต่ละคนคับ
    (วิธีที่จะให้อากาศเข้าสู่ระบบแอร์น้อยที่สุด ตอนที่ช่างแอร์ต่อสายเข้ากับถังน้ำยาแอร์นั้น ช่วงสายนั้นจะมีอากาศอยู่ ตอนเปิดวาวร์น้ำยานั้น ให้ช่างแอร์ คายเกรียวที่ติดกับตัวเกร์น้ำยา (สายเส้นเดียวกับที่ต่อเข้าถังน้ำยาแอร์นะคับ) เพื่อให้น้ำยาแอร์ที่ออกมาตอนแรกนั้น ทำการไล่อากาศที่ค้างอยู่ตามสายออกให้หมด
    2.น้ำยาแอร์แต่ละที่ แต่ละร้าน ที่อยู่ในถังนั้นส่วนมาก คุณภาพจะไม่เหมือนกัน บางทีน้ำยาแอร์ในระบบรถเราเป็นของมีคุณภาพดี แต่พอไปเติมเพิ่มแล้ว น้ำยาแอร์ที่เติมเพิ่มเข้าไปใหม่นั้น อาจจะเป็นน้ำยาที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นไปได้ (แล้วแต่ดวงละฮะ) แต่ถ้าคุณภาพดีก็ ok ครับ (น้ำยาคุณภาพดี หรือไม่ดี เดี๋ยวผมอธิบายแบบละเอียดให้ฟังอีกทีคับ)

    - การเว็คคัม คือ การปล่อยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในระบบแอร์ในรถออกให้หมด (สังเกตุดูนะคับ มีน้ำยาแอร์+น้ำมันคอม ออกมาตามสายชาชร์น้ำยา เจ้าของรถโปรดสังเกตุด้วยว่าน้ำมันออกมาเยอะปล่าว ถ้าเยอะ ต้องให้ช่างเขาเติมน้ำมันคอมเพิ่มให้ด้วยนะครับ ไม่งั้นใช้ไปซักพัก คอมเพรส์เซอร์แอร์จะฟังเอานะฮะ (ส่วนมากจะเป็นเส้นสีเหลือง) แล้วช่างแอร์ก็จะเอาเครื่องเว็คคัมมา แล้วต่อสายเส้นเหลืองเข้ากับเครื่อง เว็คคัม เพื่อดูดอากาศที่ค้างอยู่ภายในระบบแอร์ออกให้หมด ถ้าให้ดีที่สุดใช้เวลา 10 - 20 นาที อันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนมาก ช่างเขาจะเว็คคัมไม่เกิน 5 นาที + ดูเกร์ว่าติด -15 ก็ ok แล้ว จากนั้นก็จะถอดสายออกจากเครื่องเว็คคัม ถ้าน้ำมันคอมขาด ช่างแอร์เขาจะเติมเพิ่มก่อน แล้วค่อยเติมน้ำยาแอร์ตามเข้าไปคับ :D :D

    (เครื่องเว็คคัมจะมีราคา 1,500 - 35,000 บาท ถ้าราคาถูกหน่อย จะมีปั้มเพียงตัวเดียวอันนี้ต้องใช้เวลานาน10 - 20 นาทีในการเว็คคัม แต่ถ้าราคาเกิน 15,000 บาทขั้นไป จะเป็น 2 ปั้มอันนี้เว็คคัม 3 - 5 นาทีเก็บเสร็จครับ )
     
  10. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    แหะๆๆ...ผมขอเป็นเทพ โพเซดอน ละกันนะฮะ :D :D

    โฟมที่ไว้ล้างแอร์บ้านนั้น ผมไม่แนะนำให้เอามาทำความสะอาดแผงคอล์ยร้อน เพราะว่าถ้าเอาโฟมกระป๋องมาฉีดที่แผงคอล์ยร้อนนั้น 5 กระป๋องมันก็ยังไม่สะอาดเลยคับ

    เพราะว่าส่วนผสมของสารเคมีในกระป๋องนั้นๆ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการขจัดคราบน้ำมันและ คราบที่ฝังแน่นขนาดนั้นคับ เนื่องจากเขาให้ฉีดที่ตัวคอล์ยเย็น(ตัวแฝงแอร์ในบ้าน) ทางเจ้าของสินค้าเขาคงได้ทำการทดสอบมาแล้วว่า ฉีดไปแล้วไม่ต้องไปล้างมัน มันจะสลายตัวได้เองในตอนที่เปิดแอร์ สารเคมีในกระป๋องนี้จึงไม่ อันตรายต่อผู้บริโภคไงคับ

    ที่ถ้าว่าเอา Sonex ใช้แทนนั้น ใช้แทนอะไรครับ ผมงง รบกวนถามอีกทีนะฮะ
    Sonex ที่เป็นน้ำยาหล่อลื่น และ ไล่ความชื้นด้วยใช่หรือเปล่าฮะ กระป๋องสีส้ม สารเคมีที่ออกมาจากกระป๋องนั้น จะคล้ายๆ กับ น้ำมันก๊าซ,น้ำมันซักแห้ง ถ้าจะเอาฉีดล้างแผงคอล์ยร้อนนั้น ไม่ได้คับ ใช้งานกันคนละอย่างอะคับ

    ใช้ผงซักฟอกก็ได้คับ แต่ตั้งขยันหน่อย ใช้แปลงเล็กๆ ถูตามที่แผงมันด้วยอะคับ อันนี้สะอาด sure :D
     
  11. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    เออ...เรียกผมว่า ter ละกันฮะ enforce เป็นชื่อทีมตอนอยู่ st.john อะคับ

    ผมไม่ได้เปิดร้านซ่อมแอร์คับ พอดีธุรกิจที่บ้าน เป็นผู้ผลิตเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำเข้าน้ำยาแอร์ทุกเบอร์ จำหน่ายภายในประเทศคับ บริษัทผมเปิดทำการมา 43 ปี แล้วคับ

    พอดีช่วงปิดเทอม คุณพ่อก็ให้ผมเริ่มฝึกทำงานที่บ้านตั้งแต่ 13 ขวบแล้วคับ เลยมีความรู้ด้านนี้เยอะพอสมควรคับ เลยอยากแบ่งปันความรู้เรื่อง service แอร์รถยนต์ให้กับเพื่อนๆ อะครับ ถ้ารู้ไว้จะได้ไม่โดนหลอกนะคับ

    ในภาพนั้นเป็น น้องผม กับหลานคับ ช่องนี้ปิดเทอม เขาอยากเข้ามาที่โรงงานช่วยทำงาน ก็เลยจัดให้เขาซะหน่อย :D :D :D

    เรื่อง maintenance แอร์นั้น หลักๆ เลยนะครับ ถ้าระบบแอร์ไม่มีที่รั่ว ก็ไม่ต้องดูแลอะไรมันเลยครับ เนื่องจาก ระบบแอร์มันเป็นระบบปิดคับ (เหมือนไฟแช๊ก ถ้าไม่ใช้งานมัน แก๊ซมันก็คงอยู่อย่างนั้นแหละคับ)

    การที่ระบบแอร์นั้นจะมีที่รั่วนั้นเกิดได้ 2 ประการเท่านั้นคับ
    1. คนทำให้เกิดการรั่ว
    2. หมดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนบางอย่างคับ

    (เดี๋ยวมาบรรยายต่อนะฮะ พอดีมีงานเข้ามาคับ)
     
    แก้ไขล่าสุด: 19 มีนาคม 2006
    the_1st ถูกใจสิ่งนี้
  12. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ไดเออล์ (ทำหน้าที่กรองความชื้นของตัวน้ำยาแอร์)

    - ถ้ามีการซ่อมเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนของระบบแอร์นั้น รวมถึงแอร์บ้านด้วยนะคับ สิ่งที่จะต้องทำการเปลี่ยนของใหม่ไปด้วยในทุกครั้ง คือ ตัวไดเออล์ (ประมาณ 300 บาทแล้วแต่บางรุ่นด้วยนะครับ)

    - ทำไมต้องเปลี่ยนทุกครั้งด้วย? (เปลื่องตังค์..เพราะบางคนอาจเพิ่งเปลี่ยนมาเองเพราะบางคนซ่อมแอร์ไม่จบ ต้องถอดระบบออกมาหลายรอบ เลยอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ) :( :( การถอดระบบแอร์ออกมานั้น ระหว่างที่ถอดนั้น จะทำให้ความชื้น (อากาศ) เข้าไปแทนที่ ซึ่งภายในตัวไดเออล์นั้น จะมีสารเป็น เม็ดเล็กๆ กลม เรียกว่า ซิลิก้าเจล (silica gel) เมื่อมีการดูดความชื้นเข้าไปถึงระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นนั้นลดลง เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงให้ความสำคัญในการ เวคคัม ภายในระบบให้ดีที่สุด ก่อนจะเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่

    - เคยสังเกตุไหมครับ ว่าพวกขนมกรอบๆ ที่บรรจุในถุงทั้งหลาย ภายในถุงขนามนั้น จะมีซองเล็กๆ ข้างในจะมีเม็ดกลมเล็กๆ ใสๆ อยู่ เขียนระบุไว้ว่า ห้ามรับประทาน ซึ่งทำหน้าที่คอยดูดความชื้นของตัวขนมกรอบๆ ภายในถุง ลองสังเกตุดู ถ้าเราเปิดขนมกรอบถุงนั้นไว้แล้วทานไม่หมด ทิ้งไว้ซัก 2 ชม. แล้วมากินใหม่ ขนมมันจะไม่ค่อยกรอบเมื่อตอนเปิดถุงแรกๆ คับเนื่องจากความชื้นเขาไปสะสมในตัวขนมไงคับ

    เนี่ยแหละครับ คือหน้าที่หลักของตัวไดเออล์แอร์
     
  13. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    สารทำความเย็นหลักๆ ที่ใช้มากภายในประเทศนะคับ (อ่านกันหน่อยนะคับ..ความรู้จิงๆ )
    น้ำยาแอร์ R12 ใช้กับรถที่ผลิตก่อนปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นเก่าๆ เป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโลกทำให้โลกร้อน

    อันนี้สำคัญมากๆ ต้องอ่านนะคับ โดยสารนี้เป็นส่วนประกอบของยาสลบที่ใช้ทางการแพทย์ เคยสังเกตุไหมครับว่าขับรถไปนานๆแล้ว รู้สึกง่วงนอน แต่พอเปิดกระจกให้อากาศภายนอนเข้ามาถ่ายเทแล้วปิดกระจกขับรถต่อ ก็ไม่รู้สึกง่วง เพราะอะไรถึงง่วง เนื่องจากระบบแอร์ในห้องโดยสารมีที่รั่วอยู่ เมื่อดมเข้าไปมากๆ แล้วจะทำให้ง่วงเหมือนยาสลบคับ ถึงต้องให้เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทแทน พวกที่เปิดแอร์นอนในรถแล้ว ตายคารถก็เพราะดมเข้าไปเยอะ ในการผ่าตัดรักษานั้น ทางหมดเขาจะให้ยาสลบในจำที่น้อยที่สุด ยาสลบให้มากไปก็ทำให้ตายเหมือนกัน หลับไม่ตื่นอะคับ
    สังเกตุรถยุโรปดูคับ แถวปุ่มควบคุมแอร์นั้นจะมีอยู่ปุ่มหนึ่ง ทำหน้าที่เปิดปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาปะปนกับช่องแอร์ เป็นรูป วงกลม อะคับ โดยถ้ากดปิดไม่ให้อากาศเข้าแล้ว 10 นาที ปุ่มมีจะเปิดให้อากาศเข้ามาโดย auto (ใครเคยใช้รถ benz จะรู้คับต้องกดให้มันปิดเรื่อยๆ เพราะเหม็นกลิ่นควันท่อไอเสียที่มันเข้ามาในห้องโดยสาร) อันนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์เข้าป้องกันคนขับหลับใน

    R134a ใช้กับรถที่ผลิตหลังปี 1995 ,ตู้เย็นรุ่นใหม่ๆๆ สารตัวนี้ทำให้พื้นโลกร้อน ( แรกๆที่อเมริกา ผู้ผลิต R134a นี้ ได้มีข้อควรระวังในการใช้ บริเวณข้างกล่องใส่ถังน้ำยา เขียนตัวหนังสือเล็กๆ ระบุไว้ว่า ผู้ชายถ้าสูดดมสารนี้เป็นจำนวนมาก อาจมีสิทธิเป็นหมันได้

    R22 ใช้กับแอร์บ้าน (ไม่สามารถใช้กับระบบแอร์รถได้ มันจะไปกัดกร่อนโอริง,สายยางท่อแอร์ทำให้รั่วได้ และแอร์เย็นไม่ดี) ,เครื่องอุตสหกรรมขนาดใหญ่

    เวลาเพื่อนไปเติมน้ำยาแอร์นั้น ก็สังเกตุ สีของถังน้ำยาด้วยละกันว่า เป็นถังน้ำยาสีเดียวกับระบบของแอร์รถเราหรือเปล่านะคับ

    ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ น้ำยาแอร์ที่เราใช้กันไม่ว่าจะเป็น แอร์บ้าน,แอร์รถนั้น จะนำเข้ามาหลากหลายประเทศ อเมริกา,ญี่ปุ่น,อังกฤษ,อินเดีย และอีกหลายๆประเทศ สังเกตุไหมครับว่า ช่วงหลัง 2-3 ปีนี้ บางทีไปเติมน้ำยาแอร์ร้านนี้แล้วเย็น เติมอีกร้านหนึ่งทำไมไม่ค่อยเย็น ทั้งที่ขั้นตอนในการเติมน้ำยานั้นเหมือนกันทุกอย่าง เนื่องจากว่า มีน้ำยาแอร์จากประเทศจีนนั้นเข้ามาขายปะปนอยู่ภายในประเทศ ซึ่งราคามันถูกกว่าของประเทศผู้ผลิตจริง

    ถามว่าน้ำยาแอร์นั้นก็เหมือนกันนิ แล้วจากจีนไม่ดียังไง? ก็ขอตอบว่าดีครับ ดีที่สามารถเติมในระบบแอร์รถได้เหมือนกัน แต่คุณภาพนี้สิสำคัญ เนื่องจากกระบวกการผลิตน้ำยาแอร์นั้น มันมีหลายขั้นตอนของประเทศจีนนั้น ขั้นตอนการผลิตนั้นยังไม่ได้มาตาฐานพอ เพราะส่วนผสมของสารอื่นปะปนมา จึงทำให้ทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร

    มีลูกค้าที่บริษัทฯ นำถังน้ำยาแอร์ R12 มาให้ผมใช้เครื่องเช็คดูว่าเป็น น้ำยาแอร์ R12 แท้หรือเปล่าซึ่งมีคนมาขายให้ที่ร้าน ราคาถูกกว่าท้องตลาดนิดหน่อย

    (ผมใช้เครื่องตรวจน้ำยาแอร์ เพื่อแยกส่วนประกอบของน้ำยาตัวนั้นๆ ว่ามีอะไรปะปนมั่ง )ปรากฎว่ามี
    R12 - 74%
    R22 - 12%
    R134 - 3%
    Air - 9%
    Hc - 2%
    ก็ว่าทำไมมันน้ำยาแอร์ ของประเทศจีน มันถูกจังวะ
    อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้แรกๆ ไงครับว่า ถ้าจะเติมน้ำยาแอร์นั้น พยายามหาร้านที่ดูแล้ว น่าเชื่อถือได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียตังค์เติมน้ำยาอยู่บ่อยๆ
    ตอนนี้น้ำยาแอร์ R12 ที่ได้คุณภาพที่สุด และผลิตได้เป็นที่สุดท้ายของโลกนี้ คืออินเดียคับ ไม่เกิน 5 ปีก็ต้องเลิกผลิตแล้วครับ เพราะสาร CFC ทำลายชั้นบรรยากาศโลก ดูไม่ออกหลอกครับว่าร้านไหน,ถังน้ำยาถังไหนเป็นน้ำยาแอร์ของอินเดีย ช่างซ่อมแอร์เขาก็ไม่ทราบเช่นกัน คือ.....อันนี้แล้วแต่ดวงท่านแล้วอะคับ


    ครั้งต่อไป เรื่อง น้ำมันคอมแอร์นะครับ ตัวนี้และคับที่ทำให้ คอมแอร์พัง ไม่ว่าจะเป็นอาการ คอมน๊อก,คอมทำงานเสียดัง,พัง :) :)
     
    แก้ไขล่าสุด: 1 เมษายน 2006
    Vasuta.com และ Minku ถูกใจสิ่งนี้
  14. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    จริงๆ ไม่ใช่ว่าหาเติมไม่ได้ครับ มีเยอะมากครับตามร้านซ่อมทั่วไปอะคับ ถังสีขาวนะครับ ลองสังเกตุดู
    (ช่วง 2 ปีที่แล้วในประเทศน้ำยาปลอมปนเยอะมาก ทางผมเลยแก้ปัญหาโดยการ นำเข้าเป็นแบบกระป๋องมาจำหน่าย ซึ่งน้ำยาแอร์นี้เป็นมาตราฐานของปรเทศญี่ปุ่น โดยผู้ใช้สามารถเติมได้ตนเอง เคยลงขายน้ำยาแอร์บรรจุในกระป๋องก่อนที่ rcweb ยังไม่เปลี่ยนโฉมใหม่ที่เราใช้กันอยู่นี้ครับ)

    จริงๆ แล้วถ้าระบแอร์เป็น R12 แล้วอยากเปลี่ยนมาใช้ R134a นั้น อุปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนนะครับ

    1. แผงคอล์ยร้อน (รังผึ้งแอร์) เนื่องจากตัวน้ำยา R134a นั้น มีแรงดัน Hi ที่สูงมาก (ลองสังเกตุรถที่ใช้ระบบ R12 ดูที่แผงคอล์ยร้อนที่ตัวรถนะครับ จะเห็นได้ว่ามีลักษณะที่เล็กกว่า แผงคอล์ยร้อนของ รถที่ใช้ระบบแอร์ R134a ทำไมถึงมีลักษณะที่ใหญ่กว่า เพราะว่า ตัว R134a เวลาออกมาจากตัวคอมแอร์นั้น มีร้อน,ความดันสูงมากจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ แผงคอล์ยร้อนที่มีลักษณะใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อในการระบายที่เหมาะสมกับตัวน้ำยาแอร์ครับ

    2. โอริงตามข้อต่อ ,ในตัวคอม ซึ่งสารทำความเย็นบางตัวมี สารที่สามารถกัดกร่อนโอริงได้ และสายยางของท่อแอร์ (จะมีน้ำยาแอร์รั่วออกมาตามท่อยางแอร์ครับ จะมองไม่ออกครับ ซึ่ง 5 ปีที่แล้วคุณพ่อผมได้ทำการทดสอบโดย นำสายท่อแอร์ยี่ห้อเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด ทำการทดสอบโดยเอาน้ำยาแอร์ทุกเบอร์ มาใส่ทิ้งไว้ทุกเส้น แล้วใส่เกร์วัดติดไว้ทุกเส้น เอาโยนไว้ในถังน้ำ ทิ้งไว้ 7 วันแล้วมาดู ปรากฎว่า สายที่ผลิตมาเพื่อใช้กับน้ำยาตัวนั้นๆ ไม่รั่วเพียงเส้นเดียว ที่เหลือรั่วหมดครับ)

    3. น้ำมันคอมแอร์ ไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ครับ
    - R12 นั้นจะใช้น้ำมันคอม แบบ Mineral (MO) ซึ่งราคาต่อ 1 ลิตร ราคา 150 บาท
    - R134a นั้นจะใช้น้ำมันคอมเกดร Polyolester (POE) ราคาต่อ 1 ลิตร 885 บาท

    เพื่อนๆ สังเกตุดูเวลาไปเติมน้ำยาแอร์นั้น ช่างซ่อมแอร์นั้น เขาจะเอาน้ำมันคอมสีขาวใสๆ เติมให้ด้วย เพราะว่าตอนที่ปล่อยน้ำยาออกมานั้น จะมีน้ำมันคอมแอร์ออกมาด้วย จึงต้องเติมเพิ่มเข้าไปเพื่อให้ลูกสูบทำงานได้เป็นปรกติ (คอมแอร์ก็เหมือนกับเครื่องยนต์ ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่อง สูบก็ติด ความร้อนสูงลูกสูบหลวม ทำการอัดน้ำยาได้น้อยลง ที่บอกว่าจอดรถแอร์ไม่เย็น ต้องเร่งเครื่องถึงจะเย็น)

    ราคานี้เป็นน้ำมันคอมแอร์ ยี่ห้อ Suniso เป็น OEM ให้กับโรงงานผลิตคอมเพรส์เซอร์แอร์ บ้าน,รถ ทั้ง USA,JAPAN (ผมไม่ได้ขายของนะ แต่เอาข้อมูล มาตราฐานมาเปิดเผยให้กับเพื่อน ๆ เพื่อเป็นความรู้ครับ)

    เนื่องจากปีที่แล้วผมได้ทำการวิ่งตลาด ตามร้านอะไหล่แอร์ เกือบทั่วกรุงเทพและจังหวัดต่างๆ ,กาญจนบุรี,สุพรรณ,ลพบุรี,สระบุรี,ชลบุรี,ระยอง,นนทบุรี,อยุธยา,สิงค์บุรี,นครปฐม,สมุทรสาคร,และอีก 2-3 จังหวัดเนี่ยจำไม่ได้ ผมได้ไปพบ น้ำมันคอมแอร์ ของปลอม,โคตรเยอะเลยครับ และการปลอมถังน้ำยาแอร์ให้เหมือนของ usa และขายให้ร้านซ่อมทั่วไป วิ่งมา 1ปีเต็ม เหนื่อยโคตร ปีนี้เลยไม่เอาแล้วทำคนเดียว ขายก็ยาก ปีนี้นั่งคิดกลยุทธ์ วางแผนในการตลาดดีกว่า :( :(

    ประเด็นคือ เจอน้ำมันคอมที่ใช้กับระบบ
    R12 ใส่ในขวดที่ใส่น้ำอ่อยขายกันอะคับ ราคาขวดละ 70 - 90 บาท
    R134a ขายใส่ขวดเหมือนกัน ราคาขวดละ 120 - 180 บาท
    ซึ่งผมเลยซื้อมาแล้วส่งไป japan เผื่อให้วิเคราะห์ว่าคืออะไร ผลการทดสอบคือ White oil ซึ่งเกดรเดียวกับ น้ำมันจักร(เย็บผ้า) ,น้ำมันไฮโดลิก

    ถามว่าใช่ได้ไหม มันคนละเรื่องกัน เพราะว่าน้ำมันพวกนี้ พออยู่ในระบบแอร์แล้ว ผสมกับน้ำยาแอร์แล้ว กลายเป็นกาวเหนียว กัดโอริง, ในระบบแอร์มีความร้อนสูงมาก,คอมเสียงดัง คอมน๊อก, :( :(
     
    แก้ไขล่าสุด: 21 มีนาคม 2006
    Show Aof ถูกใจสิ่งนี้
  15. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ระบบรถคุณต้องเป็น ระบบแอร์ R134a ใช่ไหมครับ จุกด้าน Hi นั้นเป็นท่อเพื่อ วัดแรงดันที่ออกมาจากตัวคอมเพร์สเซอร์แอร์ครับ ซึ่งจะมีแรงดันสูงมาก (ถ้าคลายฝาพลาสติกตัว H เฉยๆ แล้วมีลมแสดงว่า วาว์รลูกศร ขันไม่แน่นคับ ถ้าปรกติเปิดฝาออกมาแล้วต้องไม่มีลมออกมาครับ แนะนำให้หาตัวขัน เพื่อขันวาวร์ลูกศรให้แน่นด้วยนะครับ ลักษณะมันเป็นเหมือนจุบยางรถยนต์อะครับ ถ้าดูจากเกร์ แรงดันจะอยู่ที่ 250 - 300 Psi

    ส่วน L นั้นคือชุดที่เติมน้ำยาครับผม แรงดันจะไม่สูงนัก เนื่องจากน้ำยาแอร์ได้ผ่าน แผงคอล์ยร้อน(รังผึ้ง)เพื่อระบายแรงดันของตัวน้ำยาแอร์ครับ แรงดันตามที่ขึ้นจากเกร์อยู่ที่ 30 - 35 Psi
     
  16. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    อันนี้เป็นภาพภายในของ คอล์ยร้อน (รังผึ้งแอร์ครับ)

    คราวหน้าผมจะบอกการทำงานเกี่ยวกับวาวร์ตัวนี้ครับ ที่บอกกันว่า วาวร์ตันแล้วต้องเปลี่ยนวาวร์ใหม่:D
     
  17. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ขอบคุณคับ:D :D

    หลังจากทำที่เอราวัณแอร์แล้ว ไม่ทราบว่าได้นำรถไปซ่อม,หรือปรับปรุง,ดัดแปลงเกี่ยวกับระบบแอร์ที่ไหนบ้างหรือเปล่าคับ ถ้าเกิดไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมนะคับ
    - ดูน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือเปล่านะครับ
    - เวลาวิ่งรถติดนานๆ แล้วที่บอกว่าแอร์ไม่เย็นเนี่ย ลองปิดแอร์ตู้หลังให้ทำงานเพียงตู้หน้าอย่างเดียว ลองดูว่าเย็นหรือเปล่า ,แล้วลองสลับกันโดยการปิดแอร์ตู้หน้าเปิดแต่ตู้หลัง แล้วดูว่าความเย็นใกล้เคียงกันหรือเปล่านะครับ อาการนี้น่าจะเป็นที่น้ำยาแอร์ขาด เพราะว่าน้ำยาแอร์อาจจะวิ่งเต็มๆ อยู่ตู้หน้า แต่ตู้หลังน้ำยาแอร์วิ่งเพียงครึ้งเดียวเลยทำให้แอร์เย็นไม่ทันกัน แนะนำให้เปลี่ยนไดเออร์ใหม่แล้วเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ให้เต็มระบบ
    (ตอนเติมต้องเปิดแอร์ 2 ตู้เลยนะครับเพราะผมเลยเจอเปิดแต่ตู้หน้าอย่างเดียว พอไปใช้งานจริงๆ แอร์ไม่มีความเย็นเลยเพราะน้ำยาขาด และสำคัญเลยรถตู้นี้เวลาเติมน้ำยาแอร์ ต้องใช้เวลาเติมนานเป็นพิเศษเนื่องจาก ระบบท่อแอร์นั้นมีความยาวกว่ารถทั่วไป ต้องเติมแล้วคอยซักพักเพื่อให้น้ำยาวิ่งเต็มๆ ในระบบเสียก่อนถึงจะถอดเกร์ออกมาได้นะครับ )
    - ช่วงที่รถติดแล้วแอร์มีอาการ ไม่ค่อยเย็นแล้วเนี่ยครับ รีบเอารถเข้าปั้มน้ำมัน แล้วหาสายน้ำมาฉีดที่แผงคอล์ยร้อนดูซักพัก แล้วลองดูที่แอร์ว่ามีความเย็นขึ้นหรือยัง ถ้าเกิดแอร์เย็นเป็นปรกติแล้ว อาการนี้น่าจะเป็นที่แผงคอล์ยร้อนระบายไม่ทัน

    (เพราะ...ช่วงนี้อากาศร้อนโคตรๆ ครับ ยิ่งใช้รถในกรุงเทพฯ เกิน 3 ชั่วโมงขึ้นไปแล้วไม่พักเลยนี้ ร้อนเป็น 2 เท่าเลย เพราะว่าห้องเครื่องมันมีความร้อนในตัวมันเองอยู่แล้ว แล้วยิ่งอากาศร้อนๆ อย่างทุกวันนี้อีก....นรกโคตรคับ) ดูที่แผงคอล์ยร้อนว่าสกปรกหรือเปล่า พัดลมทำงาน ok ปรกติหรือเปล่า (ลองดูว่าพัดลมเป็นระบบ ทำงานแบบ 2 จังหวะหรือเปล่า) ถ้าให้ดีหาพัดลมตัวใหญ่ ต่อสายไฟแบบเวลาเปิดแอร์แล้วให้มันทำงานตลอดอะคับ เพราะพัดลมบางตัวจะมีระบบ 2 จังหวะ ส่วนตัวผมว่าจังหวะเดียวจะดีกว่าอะคับให้มันแรงสุดไปเลย จะได้ระบายเร็วๆ

    สาเหตุอย่างนี้ อาการเดียวกับ รถตู้แกนเวียที่บ้านผมเลยครับ ตอนแรกเป็นคอล์ยร้อนแผงเดียว ในห้องโดยสารมีแอร์ตู้หน้า,ตู้หลัง,ตู้เย็นอีก คอล์ยร้อนระบายไม่ทันแน่นอน รถติดแอร์ไม่เย็น ต้องปิดแอร์ตู้หลังกับปิดตู้เย็น แอร์ตู้หน้าถึงจะเย็น ผมแก้ปํญหาโดยหาคอล์ยร้อนใหม่(เทียบรุ่นไหนก็ได้ที่มันมีขนาดใกล้เคียงกัน แล้วผมนำมาซ้อนกัน 2 แผง ติดพัดลมใหม่เพิ่มอีก 2 ตัวครับ ทำงานจังหวะเดียวตลอดไม่มีตัด นอกจากปิดแอร์คับ (สายพัดลมพ่วงกับสายคอมแอร์ผ่านรีเลย์คับ) ตั้งแต่เปลี่ยนผมทำมา แอร์ไม่เคยมีปัญหาเลยครับ รถติด 2 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ เปิดแอร์ตู้หน้า,ตู้หลัง,ตู้เย็น ทุกอย่างเย็นหมดครับ
     
    แก้ไขล่าสุด: 23 มีนาคม 2006
  18. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    จะมีอีกอย่างหนึ่งนะครับที่น้ำยาแอร์จะหายจากระบบแอร์ได้
    - ถ้าแผงคอล์ยร้อนระบายไม่ทัน (แผงคอล์ยร้อนมีความร้อนสูงมากๆ ,พัดลมไม่ทำงาน)
    ตัวคอมเพรสเซอร์แอร์นั้น (ติดมากับรถที่ซื้อป้ายแดงนะครับ) จะมีลักษะณะเหมือนกะเป็นรูเท่านิ้วโป้ง ข้างในจะมีเหมือนกะสปริง(เดี๋ยวถ่ายรูปมาให้ดูคับ) จะเรียกกันว่า Safty valve มันจะพ่นน้ำยาแอร์ออกมาต่อเมื่อในระบบแอร์มีความดันที่สูงมาก ถ้าไม่มีตัวนี้ คอมเพรสเซอร์แอร์อาจมีสิทย์ระเบิดได้หรือชิ้นส่วนที่บางที่สุดภายในระบบอาจแตกได้

    อันนี้ผมเจอกับตัวเองในรถ civic ตอนเช้า ติดเครื่องทิ้งไว้ให้มันร้อน เปิดแอร์ไว้ด้วย ผมก็เดินไปซื้อบุหรี่ดูด ตอนเดินกลับมา(ภายใน 5 นาที) ได้ยินเสียง ฟู่.....ดังมาก มองไปที่รถ ใต้ท้องรถมีควัน + น้ำมัน พุ่งออกมาเต็มเลย 4-5 วินาทีได้ ผมก็วิ่งมาดับเครื่องเปิดฝากระโปรงดูว่าอะไรวะ ดูทั่วเลยก็ไม่มีลอยท่อยางแตก เลยติดเครื่องรถอีกที สังเกตุพัดลมแอร์ไม่หมุนว่ะ เลยวิ่งมาดูที่ตัวไดเออร์ น้ำยาขาดตรึม เลยเอาอะไรเค้าที่มอเตอร์พัดลม เคาะ 2-3 ที ซักพักมันก็ตื่น...หมุนทำงานปรกติ โชคดีที่เป็นคอมแอร์ที่มี safty valve ไม่งั้นคอมระเบิดแน่ๆ

    - คอมเพรส์เซอร์มือ 2 ช่างจะเรียกกันว่า "คอมบิ้ว" คือคอมแอร์ที่เสียทุกๆ สาเหตุ จะมีแหล่งที่ซ่อมคอมแอร์พวกนี้อยู่ เขาจะผ่าคอมเสียออกมา แล้วดูว่าชิ้นส่วนไหนที่เสียหาย,เปลี่ยนยาง,โอริงใหม่,ชิ้นส่วนใหม่เข้าไปแทน แล้วเติมน้ำมันคอม เข้าไปแล้ว นำมาพ่นสีให้ดูเหมือนกับ คอมมือหนึ่ง

    - ข้อเสีย "คอมบิ้ว" คือเขาจะปิดรู safty valve โดยการขันน๊อต 6 เหลี่ยมเข้าไป (มันมีหลายสาเหตุที่ต้องปิด) ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ พัดลมคอล์ยร้อนไม่ทำงาน คอมอาจจะระเบิดได้หรือ ท่อแผงคอล์ยร้อนอาจระเบิดได้ ระบบแอร์ต้องสะอาดมากๆๆ น้ำมันคอมต้องของแท้ ระบบแอร์ถึงจะเย็น

    อันนี้ก็เจอกะตัวเองอีก พอดีคอมแอร์เสีย ผมเลยสั่งคอมบิ้วให้มาส่งให้ที่บ้าน
    ผมทำคนเดียว รื้อคอมออก ใส่คอมบิ้วเข้าไป เริ่มทำตอน 4 โมงเย็นวันศุกร์เสร็จ 3 ทุ่ม สรุปแอร์ไม่เย็น
    เช้าวันเสาร์โทรสั่งให้เอา คอมมาเปลี่ยนใหม่สิ ลูกนี้ใส่แล้วไม่มีแรงอัด มาส่งให้บ่าย 3 เสร็จ 1 ทุ่ม ไม่เย็นอีก
    สั่งให้มันมาเปลี่ยนคอมใหม่อีกลูกหนึ่ง มาเปลี่ยนตอน 3 ทุ่ม ไดเออร์ใหม่อีก 1 ตัว
    วันอาทิตย์ทำ 9 โมงเช้า เสร็จ 11 โมงเช้า แม่งไม่เย็นอีก พอกัน............คอมบิ้ว :mad: :mad:
    เช้าวันจันทร์สั่งให้มันเอาคอมมือหนึ่งมาเลย ทำตอนเที่ยง เสร็จ บ่ายโมงพอดี ผลปรากฎว่าเย็นช่ำเลยครับ

    - ข้อดีคือ ตาดีได้ตาร้ายซวย (ซวยเพราะ...ค่าถอดเข้าถอดออกเนี่ย) รับประกัน 3 เดือนเปลี่ยนลูกใหม่ ราคาถูกกว่าคอมมือหนึ่ง แพงกว่าคอมแอร์ของเก่าญี่ปุ่นนิดหน่อย

    คอมแอร์มือหนึ่งนั้น ซื้อแล้วทางร้านไม่รับประกันให้นะครับ 12,000 บาท (ใส่ไปไม่เย็นซวยคับ)
    คอมบิ้วรับประกัน 3 เดือน 2,500 บาท
    คอมเก่าญี่ปุ่นรับประกัน 3 - 7 วัน 1,200 - 2,000 บาท
     
  19. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    เกร์ด้านน้ำเงินถ้าน้ำยาอยู่ในเกนฑ์ที่พอดี เข็มจะอยู่ที่ 35 -40 psi ครับ
    เกร์ด้านแดงจะอยู่ที่ 230 - 260 psi คับ (ถ้าสูงกว่า 280 Psi ขึ้นไปแสดงว่า คอล์ยร้อนทำการระบายความร้อน ไม่ทันคับ ลองดูว่าพัดลมทำงานหรือเปล่า,คอล์ยร้อนสกปรกหรือเปล่า ไม่ก็ลองเอาน้ำเปล่า ราดที่แผงคอล์ยร้อนดู แล้วจะเห็นว่า เกร์ด้านสีแดงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเราไป Cooldown ความร้อนให้มัน แต่ถ้าน้ำแห้งแล้วสักพัก เกร์แดงก็ขึ้นเหมือนเดิมครับ)

    รถรุ่นใหม่บางคัน ที่ผมเคยเติมนะครับ เกร์ด้านน้ำเงินเข็มไม่ถึง 30psi ก็เต็มระบบแล้วครับ เนื่องจากเขาจะมีแผ่นป้ายบอกไว้ว่ารถรุ่นนี้เติมเท่าไรพอ ไดเออร์ก็ไม่มีให้ดู ต้องเติมตามแผ่นที่ทางผู้ผลิตบอกอะครับ

    ผมว่าให้ sure เวลาช่างเขาเติมให้ ผมว่าให้ดูที่กระจก ตรงตัวไดเออร์ดีกว่า บางร้าน เกร์เขาก็ไม่ตรงเพราะการใช้งานมากๆหรือทำเกร์ตกกระพื้น ตัวสปริงในเกร์อาจเพื้ยนได้ครับ เพราะที่บ้านผมซื้อชุดเกร์เติมน้ำยาเป็นว่าเล่นเลย เนื่องจากเกร์มัน ทำงานไม่เที่ยงตรงนะครับ :D :D
     
  20. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ตามภาพนั้น ลองสังเกตุตรงรูทางเข้าของน้ำยาแอร์ซึ่งมีขนาดเล็กมากๆๆ
    ถ้าระบบแอร์มีความสกปรกนั้น พวก เศษต่างๆ เช่นคราบน้ำมัน,โอริง,เศษเหล็กในตัวคอมแอร์ มันจะไปอุดรูนี้ได้ เช่นเดียวกัน กับทางออกของน้ำยาแอร์ซึ่งจะฉีดออกมาเป็นฝอยละออง
     
  21. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ผมได้เอาน้ำยาแอร์ R12 ของแท้ ฉีดเข้าไปในทางเข้าของวาวร์ ทำให้เหมือนกับการทำงานในระบบแอร์จริงๆ สังเกตุทางออกของน้ำยาแอร์ ทั้ง 2 ภาพนั้น การพ่นน้ำยาแอร์จะผิดกัน :D
    ภาพแรก ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบขาด หรือไม่พอ (คอมแอร์แรงอัดไม่มี) หรือน้ำมันคอมในระบบแอร์มากเกินไป ก็จะออกมาคล้ายๆ กัน
    ภาพสอง น้ำยาแอร์เต็มระบบ คอมแอร์มีแรงอัดสูง(คอมแอร์สภาพดี ไม่หลวม)
     
    แก้ไขล่าสุด: 31 มีนาคม 2006
  22. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ลองทดสอบด้วยตัวเองนะครับ แล้ววิเคราะห์ความเป็นจริงดูว่าจริงไหม

    1. เวลาอาบน้ำก็ได้คับ ถ้าบ้านใครใช้เป็นฟักบัว ซึ่งน้ำที่ออกมานั้นจะมีลักษณะ แตกตัวออกมาเป็นแบบกระจาย สังเกตุอุณหภูมิจะแตกต่างกับ น้ำที่ออกมาไม่ผ่านหัวฉีดฝักบัว (เหมือนอาบน้ำเบบใช้ขันตักน้ำอาบอะคับ)
    2. สายยางน้ำก็ได้ เปิดน้ำให้สุด แล้วใช้นิ้วโป้งกดปิดเกือบสนิด ที่ทางออกปลายสายยางน้ำ สังเกตุดูว่าน้ำที่ดันออกมานั้นเป็นลักษณะกระจายตัว ถ้าน้ำที่กระจายตัวออกมานั้น ยิ่งกระจายตัวมากเท่าไร อุณหภูมิจะแตกต่างกับน้ำที่ออกมาแบบไม่กระจายตัว
    3. ที่ฉีดน้ำกระจกก็ได้ ลองทำตอนที่ใช้รถมาทั้งวัน แล้วน้ำในถังพักน้ำมันจะร้อน ลองเอามือไปวางแถวหัวฉีดน้ำ แล้วกดให้มันทำงานดู จะรู้เลยว่าน้ำมันร้อนมาก และลองเอามือออกมาจากหัวฉีดน้ำให้ห่างที่สุดแล้วกดให้มันฉีดน้ำดู เอามือไปวางแถวๆ ที่น้ำออกมาเป็นละอองดู อุณหภูมิคนละเรื่องเลยคับ

    เปรียบเหมือนกับวาวร์ฉีดน้ำยาแอร์ ถ้าออกมาเป็นละออง มันก็ทำความเย็นในคอล์ยเย็นได้เต็มที่

    ผมถึงเน้นมากๆๆ
    1.ในการเวคคัม (ดูดอากาศภายในระบบแอร์ให้ไม่มีความชื้นมากที่สุด) และเรื่องความสะอาดภายในระบบแอร์เช่นเดียวกัน
    2. น้ำมันคอมต้องเป็นของแท้ และต้องเป็นน้ำมันคอมที่ผลิตมาให้ใช้กับน้ำยาแอร์ตัวนั้นๆ ด้วย ถ้าน้ำมันคอมใช้กับน้ำยาแอร์คนละตัวกัน มันก็จะไปกัด ยางโอริงละลายเป็นคราบเหนียวๆ พอมันเข้าไปติดรูของวาวร์นั้นเมื่อไร คุณก็ต้องเป็นวาวร์ใหม่ทันที
    3. เวลาถอดระบบแอร์มาซ่อมนั้น ทำไมต้องเปลี่ยน ตัวไดเออร์ใหม่ด้วย เพราะเหตุนี้แหละคับ

    ผมเองยังไม่เคยดูขั้นตอนการผลิต,การประกอบชิ้นส่วนภายในของ วาวร์ฉีดน้ำยา อาจจะอธิบายหลักการทำงานของ วาวร์ฉีดน้ำยา ไม่ค่อยละเอียดมากเท่าที่ควรนะคับ ที่เขียนอธิบายเรื่องวาวร์ตามข้อความข้างบนนั้น มาจากประสบการณ์ล้วนๆ ครับ :D หวังว่าเพื่อนๆ คงจะเข้าใจการทำงานของ วาวร์ มากขึ้นนะคับ ถ้าใครส่งสัยหรือยังไม่ค่อยเข้าใจตรงไหน ก็ถามได้นะครับ เดี๋ยวผมจะหาข้อมูลมาและคำตอบมาให้คับ:D :D
     
  23. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    อาการที่วาวร์ตัน เราจะรู้ได้อย่างไร....ยากครับ ต้องใช้การสังเกตุอะครับ เช่น รู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็น ตรวจสอบน้ำยาแอร์ก็มี คอมแอร์ก็ไม่ดัง จับใส่เกร์วัดแรงดันก็ ok อยู่ ไดเออร์ก็ใหม่ พัดลมแอร์ก็ทำงาน แผงคอล์ยร้อนก็สะอาด แต่แอร์ก็ยังไม่เย็น อันนี้เหลืออย่างเดียวแล้วครับ วาวร์ตัน

    จริงๆ แล้วถ้าเกิดคุณต้องรื้อระบบแอร์ ซึ่งจำเป็นเปลี่ยนอะไหล่บางตัวของระบบแอร์นั้น ครั้งแรกนั้นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวาวร์ แต่ถ้าเกิดมีการรื้อระบบแอร์ครั้งที่ 2 เมื่อไรนั้น สมควรจะต้องเปลี่ยนวาวร์ใหม่ไปด้วยเลย เพราะไหนๆ ก็รื้อระบบแอร์แล้วถือโอกาศเปลี่ยนไปเลยดีกว่า เพราะรื้อระบบครั้งหนึ่ง มันยุ่งยากพอสมควร และยังต้องเสียค่าน้ำยาแอร์อีกหลายๆ ครั้ง มันสิ้นเปลืองเงินระยะยาวอะครับ สู้จ่ายเพิ่มค่าวาวร์ไม่ถึง 1,000 บาทจะคุ้กว่าคับ

    ตัวปรอก ที่ช่างแอร์เขาจะเอา (กาวขี้หมาแปะไปนั้น) ตามรูปภาพที่ผมทำลูกศรสีแดงให้ดูอะครับ
    การทำงานของตัวนี้จะ ทำการวัดความเย็นที่ปลายทางออกของคอล์ยเย็น ว่าความเย็นเท่านี้ ควรจะทำการฉีดน้ำยาเพิ่มมากกว่าเดิมไหม หรือท่อตรงนั้นมีความเย็นที่ต่ำมากแล้ว วาวร์จะทำการฉีดให้น้อยลง โดยการเปิดปิดของตัวฉีดน้ำยานี้ จะทำงานโดยสปริง ตามภาพนะคับ:D
     
  24. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ไม่มีที่ดูครับ ต้องกะ เอาอย่างเดียวคับ หรือตอนที่เราปล่อยน้ำยาแอร์ออกจากระบบนั้น เราต้องเอาภาชนะ มาลองดูปริมาณน้ำมันที่ออกมาเท่าไร แล้วเราก็ใส่กับเข้าไปตามปริมาณที่ออกมาครับ

    น้ำมันคอมขาด อาการจะสังเกตุได้โดย ฟังเสียงคอมแอร์ทำงานครับ จะได้ยินคอมแอร์ทำงานดังกว่าปรกติ อันนี้ต้องให้ช่างแอร์ที่ชำนาญฟังอะคับ เพราะว่าบางที่ เสียงที่ดังนั้น อาจจะเป็นเสียงลูกปืนคอมแตกก็ได้

    น้ำมันคอมเกิน แอร์จะไม่เย็นเท่าที่ควร สังเกตุโดยเช็คระบบทุกอย่าง ทำงานปรกติ แต่แอร์ไม่ค่อยเย็น ต้องทำการปล่อยน้ำยาแอร์ออกจากระบบให้หมด แล้วสังเกตุน้ำมันคอมที่ออกมาด้วยว่ามันเยอะเวอร์ ผิดกับตอนแรกที่ปล่อยน้ำยาแอร์ออกมาพร้อมน้ำมันคอม สังเกตุปริมาณ ว่าแตกต่างกันเยอะแค่ไหนอะคับ

    จากที่ผมเคยทำนะครับถ้าน้ำมันคอมมากไป ผมจะปล่อยน้ำยาแอร์ออกให้หมดโดยทำการ ปล่อยช้าๆ บ้างเร็วบ้าง และทำการ เวคคัม แล้วเติมน้ำยาแอร์เข้าไปอย่างเดียวครับ แอร์จะเย็นกว่าครั้งแรกที่น้ำมันคอมมากเกินไป อย่างเห็นได้ชัดเลยคับ

    (เหมือนกับเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องขาด เราขับแล้วจะรู้สึกว่า เหยียบคันเร่งแล้วรอบไม่ค่อยขึ้น เสียงเครื่องดังแปลกๆๆ)

    ถ้าให้ชัวร์ ต้องเปิดสเปรกของคอมแอร์ ยี่ห้อนั้น หรือคู่มือรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ เลยครับว่าต้องใช้น้ำมันคอมกี่ CC. ซึ่งวิธีนี้จะไม่นิยมทำกันอะคับ
     
  25. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ตอบยากครับ เราไม่รู้ว่าระบบไฟ,สวิทการปิดเปิดของแอร์รถทำงานอย่างไร
    อันแรกเลยฮะ ต้องไล่ระบบสายไฟก่อนเลย อาการยังงี้ เดาไม่ได้ครับ ช่างซ่อมจะต้องอยู่ในสถานะการที่แอร์มันดับด้วย ช่วงที่แอร์มันดับอยู่นั้น ต้องทำการเช็คหลายอย่างเลยแหละคับ

    แต่ถ้าเป็นผมนะคับ 3 วิธีที่ผมจะทำ

    1. ไปดูที่กล่องฟิวล์ หาฟิวล์ของระบบแอร์ ดูว่ากี่ Amp และดูที่หลังกล่องฟิวล์ น่าจะมีบอกว่าระบบแอร์ใช้ ฟิวล์กี่ Amp (สมมุติของเดิม 15A ลองเปลี่ยนเป็น 20A แทน ลองดูว่าหายไหม) หรือบางทีระบบไฟของรถ มันเลี้ยงไม่พอมันก็ตัดการทำงานคับ

    2. หรือคอล์ยร้อนมันระบายไม่ทัน ทำให้ระบบแอร์ตัดการทำงานก่อน พอคอล์ยร้อนเริ่มเย็นลงแอร์ถึงทำงานได้ปรกติ ผมวิเคราะห์อาการจากที่คุณบอกมา เป็นปล่อยในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นแค่ทีเดียว (กลางคืนอากาศมันเย็นกว่ากลางวัน มันเลยระบายความร้อนได้ดีกว่า) ตอนที่แอร์ไม่ทำงานให้ลองเปิดฝากระโปรงรถดู แล้วลองดูว่า เปิดสวิทรแอร์แล้วแอร์เริ่มทำงานเร็วกว่าเดิม ตามที่คุณบอกว่าปิดสวิทช์ซักพักแล้วเปิดมันถึงทำงาน อันนี้ก็ไม่รู้ว่าระบบแอร์รถคันนี้มี ตัวเซ็นเซอร์ตัดการทำงานเมื่อมีความร้อนสูงหรือเปล่า เพื่อป้องกันคอมแอร์ฟัง

    3. รีเลย์ของสวิทช์แอร์ เสียหรือเปล่า ทำงานซักพักพอตัวรีเลย์มันร้อนแล้ว มันก็ตัดการทำงานหรือเปล่า

    แนะนำ เข้าศูนย์ benz ซ่อมจะดีที่สุด เพราะทางศูนย์เขาน่าจะเจอ รถคันอื่นๆ เป็นอาการอย่างคุณ เพราะถ้าเป็นปัญหาที่ระบบไฟจริงๆ ปล่อยทิ้งไว้อันตรายมากคับ

    ที่บอกว่าความร้อนของเครื่องต่ำกว่าปรกตินั้น แอร์ไม่ทำงานแผงคอล์ยร้อนก็ไม่ต้องระบาย ลดภาระความร้อนที่เป่าไปโดนหม้อน้ำไงครับ ถ้าแอร์ทำงานแผงคอล์ยร้อนก็จะมีความร้อนสะสมอยู่ พอความร้อนนั้นผ่านสู่หม้อน้ำ ก็เป็นภาระเพิ่มขึ้นในการระบายความร้อนของหม้อน้ำไงคับ
     
  26. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    สารทำความเย็น (Refrigerants) หรือเรียกว่า น้ำยาแอร์ ที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้นจะมี 3 เบอร์คือ

    1. R12 รถยนต์ที่ผลิตก่อนที่ 1995 และตู้เย็นรุ่นเก่าๆ
    2. R134a สำหรับรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ ปี 1995 ขึ้นไป ,ตู้เย็นรุ่นใหม่ๆ
    3. R22 แอร์บ้าน อดีตถึงปัจจุบันก็ยังใช้ตัวนี้กันอยู่

    สารทดแทนใหม่
    4. Cold 12, Cold134, Cold22 (COLD คือชื่อเรียกทางการค้าคับ)
    ชื่อเต็มของสารทดแทนนี้คือ HC ( Hydrocarbon Refrigerants) ซึ่งใช้ในระบบทำความเย็นได้ทุกประเภท เป็นสารใหม่ในประเทศไทย แต่เก่าในต่างประเทศ

    เริ่มผลิตออกมาจำหน่ายจนถึงเดี๋ยวนี้เป็นเวลาประมาณ 60 ปี (ผมจำปีที่เริ่มผลิตครั้งแรกไม่ได้ แต่เกิน 60 ปี ขั้นไป) ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศโซนยุโรป และในประเทศอเมริกานั้น สามารถใช้ได้ในบางรัฐ เนื่องจากประเทศอเมริการนั้น เป็นประเทศที่มีการผลิตสารทำความเย็น ยี่ห้อ ดูปองค์ ได้เองจึง ขายในประเทศและขายส่งออกทั่วโลก (ผมคิดว่า คงมีการขัดดุลเรื่องการค้า,การส่งออกเลยให้ใช้ได้บางรัฐ เพราะสาร Hydrocarbon นั้นราคาถูกว่า R12,R134a,R22 และน้ำยาแอร์อีกหลายๆ ตัว )

    เกือบ 10 ปีที่ผ่านมานั้น อเมริกาได้ออกข่าวมาว่า จะยกเลิกการผลิตสารทำความเย็น R12 เนื่องจากเป็นสารที่ทำให้โอโซนโลกเป็นรู ทำให้แสงอาทิตย์นั้น ส่องมายังโลกเต็มๆ โลกเลยร้อนขึ้นในทุกๆวันนี้ ทางผู้ผลิตจึงผลิตสารทำความเย็น R134a ขึ้นมาใช้แทน (ไม่บอกข้อเสียด้วยนะ) จากนั้นการขาย(knowhow) ให้แก่ประเทศอินเดียเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแทน (ผมไม่แน่ว่าขายให้อินเดียก่อนออกข่าวเรื่อง R12 ทำลายโอโซน หรือขายหลังจากออกข่าวนะคับ)
     
  27. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    สารทำความเย็นอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ มีบริษัทที่จำจำหน่ายสารทำความเย็นอยู่บริษัทหนึ่ง ได้คิดค้น สารทำความเย็น Hydrocarbon ซึ่งได้มาจากธรรมชาติแท้ๆ ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำให้โลกร้อน และไม่เป็นอันตรายต่อคน ซึ่งกว่าจะได้สารทำความเย็นตัวนี้ (Hydrocarbon) ต้องผ่านขั้นตอน MIX ส่วนผสมต่างๆ (สารธรรมชาติที่ทำการ MIX ประมาณ 20 ตัวขึ้นไป) กว่าจะนำออกมาจำหน่ายให้ใช้ได้นั้นใช้เวลาเกือบ 10 ปี ในการคิดค้นสารดังกล่าว



    ซึ่งสาร HC นี้มีข้อดีดังนี้
    1. ใช้ปริมาณที่น้อยกว่าน้ำยาตัวเดิมถึง 50%
    2. ทำความเย็นได้เร็วกว่า น้ำยาตัวเดิมถึง 40% (ช่วยในการประหยัดน้ำมันทางอ้อม เนื่องจากได้ความเย็นที่เร็วกว่าเดิม จึงทำให้ คอมแอร์ตัดการทำงานได้เร็วขึ้น)
    3. ถ้าเทียบจากโมลกุลของน้ำยาตัวเก่าๆ โมเลกุลของสารตัวนี้ มีน้ำหนักที่เบาและอ้วนกว่า น้ำยาตัวเก่าๆ ครึ่งหนึ่ง
    4. คอมแอร์นั้นมีหน้าที่ผลักดันให้น้ำยาแอร์วิ่งสู่ระบบ ถ้าสารตัวนี้อยู่ในระบบจะช่วยให้คอมแอร์ทำงานน้อยลงถึงครึ่งหนึ่ง เพราะสารตัวนี้มีน้ำหนักเบาช่วงที่คอมแอร์ทำงานเพื่อผลักดันน้ำยาแอร์นั้น จะใช้แรงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
    5. สารทดแทนนี้ สามารถเข้ากับน้ำมันคอมแอร์,โอริง,ท่อยางแอร์ ได้ทุกประเภท เนื่องจากตัวสารนี้อ้วนมาก จึงไม่ต้องกลัวในเรื่อง รั่วเป็นตามด(ตามบทความที่ผมเขียนไว้ข้างบนนู่น)
    6. สารตัวนี้ถ้าถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศ สารนี้สลายตัวเองได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม (สารนี้ผลิตมาจากธรรมชาติ) จึงเป็นมิตรกับธรรมชาติ

    ข้อเสียของสาร HC มีเพียงข้อเดียวคือ
    1. เป็นสารที่สามารถติดไฟได้ (เพื่อนๆ คงเคยได้ยินจาก ช่างแอร์บ้าง ,ผู้ที่ไม่รู้ข้อมูลบ้าง,ผู้ที่รู้แล้วแต่..เสียผลประโยชน์ทางการค้าบ้าง และปากต่อปาก ว่าน้ำยาแอร์ติดไฟได้นั้นเป็นของปลอม หรืออยู่ในระบบแอร์แล้วจะกลายเป็นระเบิดเวลา !!!!!!)

    ขออธิบายในเรื่อง การที่สารตัวนี้จะติดไฟได้นั้นจะมีเหตุผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ คนที่จะทำให้ติด เปรียบเทียบเหมือนกับไฟแช็ก ถ้ากด GAS ให้มันออกอย่างเดียวมันไม่ติดแน่นอน แต่ถ้ามีประกายไฟ GAS มันถึงจะติดไฟได้ ไม่ว่าจะเป็น

    1. GAS หุ่งต้ม
    2. GAS ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในแท็กซี่ รถสามล้อตุ๊กๆก็ใช้
    3. GAS NGV ในรถโดยสาร ก็ติดไฟเช่นกัน
    4. GAS ในกระป๋องฉีดยุง,สเปร์ยน้ำหอม ผลิตภัณฑ์ทุกๆ อย่างที่บรรจุในกระป๋องเสปร์ยที่ขายอยู่ทั่วไป(สังเกตุข้างกระป๋องจะมีรูปไฟอยู่)

    ผมคิดว่าทุกคนๆ เลยนะครับ น่าจะเคยขึ้น TAXI, รถสามล้อ tuktuk กันแล้ว บางคันเราก็ได้กลิ่น GAS ในห้องโดยสารใช่ไหมครับ ถามว่ากลัวกันไหม...คงตอบว่ากลัวกันหมดแหละคับ เท่าที่ผมเจอ คนขับบางคนยังจุดบุหรี่สูบก็มี ถามว่าทำไม่กลัวรถระเบิดเหลอ....(มันคงลืมนึกมั่งฮะว่ารถถูใช้ gas อยู่)

    ถามว่าทำไมไม่ระเบิดละ เนื่องจาก GAS ที่ได้กลิ่นกันนั้น + กับอากาศรอบๆตัวเรามันไม่ได้สัดส่วนกัน ยังไงก็ไม่เกิดการระเบิดแน่นอน (เช่นเคมีบางชนิด โดนน้ำเปล่านิดเดียวยังเป็นเกิดเป็นควัน..แต่.ถ้าโดนน้ำเปล่าตามสัดส่วนนั้นๆ จะเกิดเป็นระเบิดได้เลยคับ...ผมจำได้มีข่าวหลายปีแล้วโรงานผลิตอะไรจำไม่ได้ เนื่องจากพนักงาน ทำน้ำเปล่าหกไปโดนสารเคมีนั้น เท่านั้นแหละคับ ระเบิดเละกันทั้งโรงงานเลย)

    เรื่องกระป๋องสเปร์ยนั้น เนื่องจากสารเคมีที่ บรรจุอยู่ในกระป๋องนั้น จำเป็นจะต้องมีสารที่ผลักดันให้สารเคมีดังกล่าวออกมาด้วย (บางทีเราใช้น้ำยาล่อลื่น WD-40,Sonex บางทีมันฉีดไม่ออก แต่เขย่ากระป๋องแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่หมดนี่หว่า) นั้นแหละครับคือสารที่ผลักดันเคมีให้ออกมา ก่อนหน้านี้ 10 ปีได้มั่ง ทางผู้ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในกระป๋องนั้น เขาจะใช้ สารทำความเย็น R12 นี้เป็นสารผลักดันเคมีในกระป๋อง แต่เนื่องด้วยสาร R12 นี้ทำลายโอโซนโลก และมีการให้ใช้สารผลักดันทดแทนคือ GAS LPG (ก๊าซหุ่งต้ม) เนื่องจากมีราคาถูกกว่า และหาซื้อได้ในประเทศ และใช้ทดแทนกันได้เลย

    อย่างที่ผมบอกไงครับ ให้ลองดูรอบๆ ข้างกระป๋อง จะเห็นรูปไฟ แต่ผู้บริโภคไม่มีใครรู้หลอกคับว่าที่แรงผลักดันที่ออกมาพร้อมกับสารเคมีนั้นๆ คือก๊าซหุ่งต้ม อาจจะมีเขียนกำกับข้างรูปไฟนั้นว่า ห้ามโยนเข้ากองไฟ หรือทิ้งไว้ในที่ๆ มีความร้อนสูงหรือห้ามกระป๋องตากแดด เพื่อนๆจะรู้ในจุดตรงนี้ถูกไหมฮะ

    (มีต่อ..ขอไปกินข้าวก่อนเดี๋ยวมาคับ)
     
  28. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ต่อคับ

    ถ้าเกิดในห้องนอนของเพื่อนๆ นั่นมีกลิ่นอับ เลยเอาสเปร์ยน้ำหอมฉีดดับกลิ่น พ่นทั่วห้องเลย แล้วอยู่อยากดูดบุหรี่ขึ้นมา ช่วงที่จุดไฟนั้นเคยคิดบ้างไหมครับว่า ห้องกูจะระเบิดเปล่าว่ะ...ก๊าซLPG เต็มห้องเลย ถ้าว่าตอนจุดไฟต่อบุหรีนั้น ทำไมไม่เห็นเป็นอะไรเลย.....เพราะสัดส่วนอากาศมันไม่ได้กันยังไงไฟก็ไม่ติดครับ แต่ถ้าอยากลอง ให้เอาขวดโค้กพลาสติกเปล่ามา แล้วพ่นสเปร์ยในกระป๋องน้ำหอมที่เราฉีดในห้องนั้น จ่อฉีดเข้าไปในขวดพลาสติกซักพัก แล้วจุดไฟแช็กแถวปากขวด พร้อมกับบีบขวดให้มีลมออกมาจากในขวดดูสิครับ......ไฟนี่ออกเป็นลูกเลยแหละฮะ ถามว่าทำไมถึงมีไฟ เพราะว่าในขวดนั้นมีสัดส่วนของ GAS มากกว่าอากาศ (o2) ไงคับ

    เช่นเดียวกับในระบบแอร์ อย่างที่ผมเคยอธิบายไว้ข้างต้น ระบบแอร์ทุกประเภทเป็นระบบปิด น้ำยาแอร์หรือ สาร HC นั้นถ้าเข้าในอยู่ในระบบแอร์นั้น มันก็วิ่งวนเวียนอยู่แต่ภายในระบบ ถ้าเกิดว่ามันจะติดไฟได้ก็เป็นเพราะ คนตั้งใจเอาประกายไฟไปจ่อตรงที่มีการรั่วเท่านั้นครับ GAS จะติดไฟได้ต่อเมื่อมีอุณหภูมิความร้อนถึง 1,800 เซลเซียด

    และสาร HC นี้ถ้าเติมเข้าไปสู่ระบบรถยนต์แล้ว น้ำยาแอร์ที่ติดไฟนี้อยู่ในระบบแอร์ เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของกระป๋อง Sonex คับ ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุละจะไฟไหม้ทั่งคันไหม ถ้าเกิดระบบแอร์มีการหักของท่อแอร์ตอนรถชนนั้น ไม่ถึง 5 วินาที ก็ละเหยหมดแล้วคับ แล้วช่วงที่ชนนั้นไม่มีประกายไฟก็ไม่ต้อห่วงเลยคับ ถ้าเทียบกับปั้มติกที่ฉีดน้ำมันเบนซิลนั้น อันตรายกว่าเยอะครับ ถ้าเกิดสายยางท่อเบนซิลนั้นขาดไปโดนท่อไอเสียร้อน รับรองไฟไหม้ทั่งคัน ปั้มติกจะหยุดทำงานต่อเมื่อดึงกุญแจรถออก...ถูกไหมคับ

    เช่น ระบบแอร์ที่เติมน้ำยาแอร์ติดไฟเพียง 200 กรัม TAXI ที่ใช้ GAS วิ่งนั้นหลังรถนั้น บรรจุถัง GAS กี่ลิตรครับ ผมกะให้ 30 ลิตรละกัน เทียบกันแล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่า ระเบิดปรมณู เลยเหลอคับ ท่อ GAS นี้วิ่งเข้ากระบอกสูบมีการเผาไหม้จุดเป็นไฟจากหัวเทียน ถ้าเกิดรถชนด้านหน้า...ถามว่าอันตรายกว่าไหมครับ แต่ก็ยังนิยมใช้กัน....ช่วงรถชนนั้นมีใครจะมีสติบิดกุญแจออกไหมครับ ช่วงขณะนั้นไม่มีสติแน่นอน ปั้มที่ทำการดูดก๊าซส่งไปยังเครื่องยนต์นั้น มันทำงานตลอดขณะที่เสียบกุญแจทิ้งไว้...ถูกไหมคับ และอีกเรื่องหนึ่งถ้าเกิดมีรถมาชนท้าย TAXI และจนถึงถัง GAS ถามว่าไม่เห็นเกิดการระเบิดเลย เนื่องจากไม่มีประกายไฟไงครับ เลยไม่เป็นไร ถ้ามีประกายไฟ รับรองระเบิดทั้งคัน

    ตาพภาพนั้นผมเคยลงในกระทู้เก่าของ rcweb คับ
    ต้องการให้ดูว่ารถ honda Jazz ปริมาณที่ใช้น้ำยาแอร์ ติดไฟ นั้นเพียง 200 กรัมก็เต็มระบบแอร์แล้ว
    เทียบกับน้ำยาแอร์ของติดรถ R134a จะใช้อยู่ที่ 1 กิโลกรัมถึงจะเต็มในระบบแอร์ครับ
     
  29. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    และภาพต่อไปนี้เป็นแอร์บ้าน สิ่งที่ผมอยากให้ดูแล้วให้เพื่อนๆ วิเคราะห์ดูว่า ที่ผมบอกว่าน้ำยาแอร์ติดไฟ HC นี้มีน้ำหนักที่เบาแล้วอ้วนกว่าน้ำยาแอร์ตัวเดิมๆ

    - คอมแอร์ใช้พลังงานในการผลักดันน้ำยาแอร์ R22(แอร์เพื่อนๆทุกบ้านที่ใช้อยู่เป็นน้ำยาแอร์เบอร์ R22 คับ) เทียบเป็นกระแสไฟ ดูได้จากการกินกระแสไฟของคอมเพรสเซอร์แอร์ จากกิ๊ฟแอม 8.8 Amp

    - คอมแอร์ที่เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นที่ติดไฟแล้ว ลองดูว่ากระแสไฟลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคอมแอร์ทำงานเบาขึ้นไงครับ การกินไฟก็ลดลงตาที่เพื่อนๆ เห็นอะคับ

    ผมขอยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
    - ตามภาพนั้นจะเห็นว่า กิ๊ฟแอมร์จับการกินกระแสไฟจากตัวคอมแอร์ที่ 8.8 Amp
    สมมุติว่าเราเปิดแอร์ 1 ช.ม.เราจะต้องจ่ายค่าไฟ 88 บาท
    - ตามภาพที่ 2 หลังจากที่เราเปลี่ยนมาใช้น้ำยาแอร์ที่ติดไฟแล้วการทำงานของคอมแอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เราเปิดแอร์ 1 ช.ม. เท่ากัน เราจะจ่ายค่าไฟเพียง 69 บาทคับ
    - อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นนั้น น้ำยาแอร์ติดไฟนี้สามารถทำความเย็นได้เร็วกว่า พอความเย็นถึงอุณหภูมิที่เราตั้งไว้ เช่น 25 องศา คอมแอร์ก็ตัดการทำงานเร็วขึ้น

    คอมแอร์รถยนต์ก็จะทำงานเบาขึ้น..เลยช่วยประหยัดน้ำมันในทางอ้อมและยืดอายุคอมแอร์.......เช่นเดียวกับระบบแอร์บ้านคับ:D :D :D :D

    จุดประสงค์......ผมไม่ได้ต้องการขายสินค้า เพียงแต่นำรูปภาพมายกตัวอย่างให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้นคับ (บอกไว้ก่อนเดี๋ยวใครคิดว่าผมอยากขายของ):eek: :eek:

    ต้องการให้เพื่อนๆ ทราบและรู้จักสารทำความเย็นที่ติดไฟ ว่าไม่ใช้ของปลอมและไม่ต้องกลัวว่าจะอันตราย เพราะมีหลายๆ ประเทศที่หันมาสนใจที่จะ ใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติ หลักๆเลย โซนยุโรป, อเมริกาบางรัฐ, ญึ่ปุ่น, เกาหลี(เกาหลีนี้ผลิตเองขายในประเทศเขาและส่งออก) สิงค์โปร์, มาเลเซีย, ดูใบ, อินเดีย, ออสเตเรีย, และอีกหลายๆประเทศ (ผมนึกได้แค่นี้คับ)
     
    แก้ไขล่าสุด: 6 เมษายน 2006
  30. enforce

    enforce Active Member Member

    2,041
    13
    38
    ดูช่วงระยะห่างของแผงคอล์ยร้อนกับหม้อน้ำ อย่าให้ชิดกันเกินไปคับ หาพัดลมไฟฟ้าติดเพิ่มซักตัวหนึ่ง ต่อระบบไฟใหม่โดย เวลาเปิดแอร์ให้พัดลมทำงานตลอด
    ลองเปลี่ยนมาใช้คอมแอร์ sanden 507 ต้องแปลงขาแท่นยึดคอมใหม่ (แปลงขายึดคอมไม่ยากคับ ตามร้านอะไหล่แอร์น่าจะมีขาย ขายึดสำเร็จรูปอะคับ)

    รถผมคอมแอร์ติดเครื่อง 4ag20v ก่อนหน้านี้ผมเปลี่ยนคอมลูกใหม่ไป 2 ลูก (ลูกละ 9,000 บาท) ใช้งานได้ไม่ถึง 1 ปีคอมแอร์ก็ดังไม่มีแรงอัด ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ คอมแอร์ของ sanden 507 แปลงแท่นยึดน๊อตนิดหน่อย ตอนนี้ใช้มา 3 ปี คอมแอร์ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ทำความเย็นได้ดีกว่าคอมตัวเดิมอีก แถมทนกว่าคอมแอร์โรตารี่ด้วยครับ

    คอม sanden 507,508 ใช้ในรถพวกเครื่องดีเซล จะติดตั้งมาจากโรงงานผลิตรถยนต์ ใช้ในรถกะบะ

    คอมโรตารี่ ส่วนมากจะติดตั้งในรถเก๋ง เพราะการทำงานของมันไม่ดึงกำลังเครื่องยนต์ พังเร็วถ้าใช้รอบเครื่องยนต์สูงบ่อยๆ
    คอมลูกสูบ ส่วนมาในรถดีเซล กินกำลังเครื่องนิดหน่อย - มาก ทนโคตรๆๆ ราคาของใหม่ 5,000บาท ขึ้นไป ไม่เกิน 7,000 บาท ถ้าเปลี่ยนมาใช้คอมประเภทนี้ คุณใช้ลืมเลยแหละคับ ไม่ต้องห่วงเครื่องคอมดังหรือแรงอัดไม่มี

    (เน้นมากๆ ไม่ว่าคุณเปลี่ยนใส่คอมแอร์ใหม่, คอมเซียงกง, คอมบิ้ว ระบบแอร์ต้องสะอาดมากๆ ,น้ำมันคอมต้องของแท้ และต้องเป็นน้ำมันคอมสำหรับน้ำยาแอร์เบอร์นั้นๆ ด้วยคับ ลองอ่านดูหน้าแรกๆ ผมเขียนไว้แล้วครับ)

    ตอนที่ช่างแอร์ทำการล้างระบบแอร์ของรถคุณนั้น สังเกตุด้วยว่าเขาใช้อะไรล้าง ห้ามใช่น้ำมันเบนซิลล้างโดยเด็ดขาดนะครับ เพราะถ้าเบนซิลมันแห้งแล้ว มันก็จะเป็นคราบๆ อยู่ภายในท่อแอร์ตามสายท่อแอร์ ต้องใช้น้ำยา F11 หรือ 141b ล้างระบบเท่านั้น เพราะสารพวกนี้จะไล่พวกคราบน้ำมันที่ติดภายในท่อแอร์ได้ดีที่สุดครับ และละเหยตัวได้เร็วมากๆๆ

    F11 ราคาขวดหนึ่งไม่เกิน 100 บาท (ราคา F11 ของจริงๆ แพงกว่านี้คับ)
    141b ของแท้หายากครับ ราคากระป๋องละ 250 บาท

    (เดี๋ยวคราวหน้าผมจะทดสอบให้ดูว่า F11 กะ 141b แตกต่างกันแค่ไหน เดี๋ยวขอไปถ่ายรูปก่อนแล้วจะมาลงให้ดูครับ):D :D :D :D
     
    แก้ไขล่าสุด: 9 เมษายน 2006
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้